Ranpak ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นส์บรรจุภัณฑ์อัตโนมัติใหม่ 3 รายการ เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น

 

 

Ranpak ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งนำเสนอการผสมผสานที่ไม่มีใครเทียบได้ระหว่างเทคโนโลยีอัตโนมัติการเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักสรีรศาสตร์ และความเชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

 

Ranpak Holdings Corp. (“Ranpak”) (NYSE: PACK) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นส์บรรจุภัณฑ์กระดาษที่ยั่งยืนสำหรับอีคอมเมิร์ซและห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รายการ ซึ่งนำเทคโนโลยีอัตโนมัติและกระดาษป้องกันมารวมกันเป็นโซลูชั่นส์แบบบูรณาการ โดยโซลูชั่นส์บรรจุภัณฑ์ที่ครอบคลุมของบริษัทช่วยให้ผู้บรรจุหีบห่อสามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น มีคุณภาพ สม่ำเสมอ และความยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงประสิทธิภาพแรงงานและหลักสรีรศาสตร์ในกระบวนการบรรจุหีบห่อ PadPak® Multi-Station™ วางจำหน่ายแล้วสำหรับลูกค้าในยุโรป โดยส่งกระดาษกันกระแทกไปยังสถานีบรรจุหีบห่อแต่ละแห่งได้มากถึง 10 สถานี

 

PadPak® Multi-Station™ ผสมผสานองค์ประกอบที่ดีที่สุดของระบบอัตโนมัติและบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ยั่งยืน โดยส่งกระดาษกันกระแทกที่มีประสิทธิภาพเหนือชั้นไปยังผู้บรรจุหีบห่อโดยอัตโนมัติ ช่วยลดการใช้ตัวแปลงหลายตัวและปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ สายการผลิตอัตโนมัติช่วยให้เครื่องแปลงกระดาษ PadPak® ส่วนกลางเครื่องเดียวสามารถจัดหาแผ่นกระดาษที่รีไซเคิลได้ 100% ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และหมุนเวียนได้ รวมถึงไปยังสถานีบรรจุสินค้าได้สูงสุดถึง 10 สถานี อย่างต่อเนื่อง โซลูชั่นส์ แบบแยกส่วนและปรับแต่งได้สูงช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการส่งแผ่นกระดาษไปยังผู้บรรจุสินค้าโดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องแปลงแยกต่างหากที่สถานีบรรจุสินค้าแต่ละแห่ง ความเป็นโมดูลของโซลูชั่นส์นี้ช่วยให้สามารถจัดวางเลย์เอาต์ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการในการบรรจุสินค้าเฉพาะได้ และผสานรวมเข้ากับพื้นที่ที่มีขนาดเฉพาะได้อย่างง่ายดาย

 

 

 

 

DecisionTower™ พร้อม FillPak Trident™ ใช้ระบบการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อวัดและจ่ายกระดาษที่ว่างในช่องว่างได้อย่างแม่นยำ

 

DecisionTower™ พร้อม FillPak Trident™ ใช้ความสามารถในการมองเห็นด้วยเครื่องจักรของ DecisionTower™ ของ Ranpak เพื่อวัดช่องว่างและจ่ายกระดาษที่ว่างในช่องว่างที่รีไซเคิลได้ในปริมาณที่สมบูรณ์แบบผ่านเครื่องแปลง FillPak Trident™ ที่เชื่อมต่อกันอยู่ โดย FillPak SL™ มีจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน การผสมผสานเทคโนโลยีการมองเห็นที่ซับซ้อนเข้ากับวัสดุบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ยั่งยืนทำให้กระบวนการบรรจุภัณฑ์สิ้นเปลืองน้อยลง สม่ำเสมอมากขึ้น และมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าในระหว่างการแกะกล่อง ลดการใช้กระดาษได้ถึง 35% เนื่องจากการวัดช่องว่างที่ใช้งานอยู่และการใช้แผ่นกระดาษรูปสามเหลี่ยมเฉพาะที่จ่ายโดยเครื่องแปลง FillPak Trident™ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเติมช่องว่างด้วยวัสดุกระดาษในปริมาณขั้นต่ำที่จำเป็น โซลูชั่นส์นี้จะปรับให้เข้ากับประเภทกล่องและปริมาณช่องว่างที่แตกต่างกันโดยอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานง่ายโดยที่ผู้ปฏิบัติงานไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรม ลูกค้าปลายทางสามารถรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ได้รับได้อย่างง่ายดายโดยไม่เห็นการปกป้องผลิตภัณฑ์ของตนมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ทำให้มีความพึงพอใจมากขึ้น

 

Pad’it!™ วางแผ่นกระดาษโดยอัตโนมัติที่ด้านบน ด้านล่าง หรือทั้งด้านบนและด้านล่างของกล่องในสายการบรรจุ

 

โซลูชั่นส์ Pad’it!™ จะใส่แผ่นกระดาษรองกันกระแทกแบบหยักเฉพาะที่ด้านล่าง ด้านบน หรือทั้งด้านบนและด้านล่างของบรรจุภัณฑ์โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันเพิ่มเติมให้กับกล่อง ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบนี้จะสร้างการหยิบ และวางแผ่นรอง ช่วยลดแรงงานคนและหากต้องการฝึกอบรมเพียงเล็กน้อยซึ่งสามารถทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระบบสามารถเพิ่มแผ่นรองเพิ่มเติมได้ถึง 15 กล่องต่อนาที ซึ่งเท่ากับโซลูชั่นส์อัตโนมัติอื่นๆ ในสายการผลิต นอกจากนี้ ระบบยังช่วยให้วางแผ่นรองได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์ที่สม่ำเสมอและสวยงาม โดยใช้แขนหุ่นยนต์และตัวแปลง WrapPak® Protector ช่วยเพิ่มการปกป้องทั้งภายในกล่องและประสบการณ์ในการแกะกล่อง

 

 

 

 

โซลูชั่นส์ทั้งสามนี้จาก Ranpak แสดงถึงการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างขึ้นจากประสบการณ์กว่า 50 ปี ในโซลูชั่นส์บรรจุภัณฑ์กระดาษโดยมุ่งเน้นเฉพาะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและการพัฒนาสถานีบรรจุภัณฑ์ การเสริมการพัฒนาโซลูชั่นส์อัตโนมัติด้วยศักยภาพด้านความยั่งยืน การรีไซเคิล และความสามารถในการทดแทนของวัสดุกระดาษ ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถขยายการดำเนินงานได้โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ โซลูชั่นส์เหล่านี้แต่ละโซลูชั่นส์ยังช่วยให้สถานที่ทำงานภายในสายการผลิตบรรจุภัณฑ์มีการใช้งานตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น โดยทำให้บางงานที่ซ้ำซากจำเจกลายเป็นระบบอัตโนมัติในขณะที่ให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานที่ซับซ้อนและเป็นกลยุทธ์มากขึ้นได้