BGC สร้างยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำศักยภาพในการขาย ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ทำรายได้ปี 65 ที่ 14,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน จากปริมาณการขายและการปรับราคาขายบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน รวมถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 อัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย มองดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วไตรมาส 1/66 โตต่อเนื่อง รับการท่องเที่ยวฟื้นตัว กระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น

 

 

บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ทำรายได้ปี 65 ที่ 14,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน จากปริมาณการขายและการปรับราคาขายบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน รวมถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 อัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย มองดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วไตรมาส 1/66 โตต่อเนื่อง รับการท่องเที่ยวฟื้นตัว กระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น

 

 

“แม้ในปี 2565 สงครามระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนด้วยการปรับสูตรการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทางเลือกและมองหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งเจรจาขอปรับราคาสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น” นายศิลปรัตน์ กล่าว

 

 

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 อัตรารวม 0.445 บาทต่อหุ้น โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.325 บาทต่อหุ้น คงเหลือที่จะต้องในงวดสุดท้ายอีก 0.12 บาทต่อหุ้น มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 เดือนเมษายนนี้ และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เดือนพฤษภาคม 2566

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวต่อว่า แนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วในไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและจีนเปิดประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการธุรกิจจัดการพลังงาน ESCO (Energy Service Company) ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเร่งยอดขายรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

Post a Comment

#FOLLOW US ON INSTAGRAM