
เมสเซ่ดุสเซลดอร์ฟเตรียมดึงไทยร่วมขับเคลื่อน 4 เมกะเทรนด์ปฏิวัติอุตฯ บรรจุภัณฑ์และกระบวนการแปรรูปพร้อมส่งผู้ประกอบการไทยอวดโฉมนวัตกรรมในงาน“ อินเตอร์แพค 2023
0 comments

บริษัท เมสเซ่ดุสเซลดอร์ฟดึงผู้ประกอบการไทยร่วมงาน“ อินเตอร์แพค 2023 “งานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และกระบวนการแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองดุสเซลดอร์ฟประเทศเยอรมนีรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และกระบวนการแปรรูปจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 2,700 รายพร้อมตอกภัณฑ์ที่น่าจับตามองประกอบด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การจัดการทรัพยากร (Resource Management) เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technologies) ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ (Product Safety) คาดมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 170,000 คนจากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
นายโทมัส โดเซ่ (Mr. Thomas Dohse) ผู้อำนวยการการจัดงานอินเตอร์แพค บริษัท เมสเซ่ดุสเซลดอร์ฟ กล่าวว่าจากอัตราการเติบโตของประชากรโลกการขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้นอัตราการจ้างงานที่สูงขึ้นและรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทำให้ความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นขึ้น 932 ล้านตันในปี 2564-2559 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารจากข้อมูลของ Verband Deutscher Maschinen und Anlagenbau – VDMA ระบุว่าประเทศในทวีปเอเชียมีความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารอยู่ที่ 34% และคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น 20% ในระหว่างปี 2564 2569 โดยประเทศจีนถือว่าเป็นตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 50% จากความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารที่มากขึ้นคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของเครื่องจักรการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในภูมิภาค
นายโทมัส กล่าวเพิ่มเติมว่า” อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารในไทยปี 2564 มีปริมาณการขายอยู่ที่ 6 ล้านตันและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7 ล้านตันในปี 2569 ไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 7 ของเอเชียซึ่งการอยู่ในท็อป 10 ของทวีปเอเชียในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารถือเป็นสัญญาณอันดีที่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารจะเติบโตขึ้นและเป็นโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ระดับโลกของผู้ประกอบการไทย
ล่าสุด เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เตรียมจัดงานอินเตอร์แพค 2023 งานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และกระบวนการแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกจัดขึ้นทุก 3 ปีโดยในปีนี้มี บริษัท ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 2,7000 รายอาทิประเทศเยอรมนีประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศสิงคโปร์ประเทศญี่ปุ่นประเทศจีนและประเทศไทยที่นำสินค้าจัดแสดงจำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท เอฟฟซีอินดัสทรี จำกัด บริษัท มหาธานีอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท เอ็มเอ็มพีคอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ควิคแพ็ค แปซิฟิค จํากัด นายโทมัส กล่าว
นางสาวซาบีน เกลเดอร์มาน (Ms. Sabine Geldermann) หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ กล่าวว่างานในครั้งนี้มุ่งนำเสนอไปที่ 4 เทรนด์โลกที่น่าจับตามอง ณ ขณะนี้อย่างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular ที่เป็นปัญหาสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ระดับโลกโดย Economy) เป้าหมายคือการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ผ่านกระบวนการอัจฉริยะที่ช่วยประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอีกแง่มุมหนึ่งการใช้บรรจุภัณฑ์ให้น้อยลงหรือแม้แต่เทคนิคการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนรวมถึงวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ง่าย
การจัดการทรัพยากร (Resource Management) ผู้ประกอบการในปัจจุบันต้องเผชิญกับอีกหนึ่งความท้าทายคือการดำเนินกิจการอย่างมีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมในขณะเดียวกันการผลิตก็ต้องมีประสิทธิภาพซึ่งการผลิตและการแปรรูปอาหารจำเป็นต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมากจึงจำเป็นต้องมีนวัตกรรมที่ช่วยควบคุมการใช้พลังงานระหว่างการผลิตผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อทำให้กระบวนการทำงานยังคงประสิทธิภาพที่สูงและไม่กระทบกับกระบวนการผลิตโดยรวมโดยยึดแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนคือการบริหารจัดการทรัพยากรโดยเฉพาะทรัพยากรที่หาได้ยากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมีขยะเหลือทิ้งน้อยที่สุด
เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technologies) เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่มีอยู่ให้ดียิ่งกว่าเดิมอีกทั้งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตยังสามารถช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้อาทิเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าที่เข้ามาช่วยจัดการระบบการผลิตและเครื่องจักรเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วมากขึ้นหรือแม้แต่เครื่องจักรเสมือนที่ทำหน้าที่ทดสอบการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ก่อนผลิตจริงเทคโนโลยี Track-and-Trace อย่างระบบ Holy Grail 2.0 ช่วยแยกบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติด้วยลายน้ำดิจิทัลอย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังต้องวางแผนการใช้เทคโนโลยีการจัดการคุณภาพรวมไปถึงการวางแผนในเรื่องของทรัพยากรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ (Product Safety) เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในและต้องสร้างให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานระดับสากลนอกจากนี้ระบบตรวจสอบที่มีคุณภาพสูงจะทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจะสามารถถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด
ทั้งนี้ความสำเร็จของงานอินเตอร์แพคในปี 2017 ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 2,866 รายจาก 55 ประเทศทั่วโลกและมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 170,899 คนจาก 169 ประเทศทั่วโลกโดยเป็นงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์หนึ่งเดียวที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำและรวบรวมผู้ประกอบการสินค้าบรรจุภัณฑ์อย่างครบทุกประเภทไว้ได้มากที่สุดนอกจากนี้ยังได้รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยอันเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างให้กับอินเตอร์แพค 2017 อย่างชัดเจนจนนำไปสู่ความสำเร็จในครั้งที่ผ่านมา
สำหรับงาน อินเตอร์แพค 2023 ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 4 – 10 พฤษภาค 2556 ณ เมืองดุสเซล
ดอร์ฟ ประเทศเยอรมนีถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญให้ผู้ประกอบการไทยได้เรียนรู้ถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยจากนานาประเทศทั่วโลกเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตและต่อยอดไปสู่กระบวนการผลิตที่ปลอดภัยต่อโลกและสิ่งแวดล้อมรวมถึงทำให้การสร้างขยะเป็นไปได้น้อยที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมหรือลงทะเบียนสำรองบัตรเพื่อเข้าชมนิทรรศการได้ https://www.interpack.com/