
PJW สร้าง New S-Curve ประเดิมส่งอุปกรณ์การแพทย์พลาสติกตัวแรกขายในประเทศ
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ประกาศสร้าง New S-Curve จากกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์พลาสติก เริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวดอกจากการลงทุน ประเดิมส่งโปรดักส์แรกปลายปีนี้ลุยตลาดในประเทศทดแทนสินค้านำเข้า วางเป้ากวาดรายได้ปีแรก 300 ล้านบาท ก่อนทยอยออกโปรดักส์ใหม่ต่อเนื่องพร้อมส่งลุยตลาดอาเซียน-ทวีปออสเตรเลียดันยอดขายโตเท่าตัว เล็งจับมือพันธมิตรร่างแผนตั้งโรงงานใหม่กลางปีหน้า
ประธานกรรมการบริหาร PJW กล่าวว่า กลุ่มสินค้าอุปกรณ์การแพทย์ที่ผลิตจากพลาสติกเป็นสิ่งที่บริษัทได้เริ่มต้นมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว แต่ปีที่แล้วสะดุดไปเพราะปัจจัยภายนอก เริ่มจากแผนการนำเข้าไซริงค์จากจีนมาจำหน่ายเพื่อทดลองตลาด ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในจีนที่มีการปิดท่าเรือ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเราพยายามลงทนด้วยความระมัดระวังจึงได้ระงับแผนงานไปก่อน
หลังจากที่ระงับโครงการแรกไป เราได้เริ่ม R&D จากโปรดักส์ในมือที่มีอยู่จำนวนพอสมควร ขณะนี้เรามั่นใจแล้ว เพราะมีคู่ค้าที่จะมาขายสินค้าให้เรา และสินค้าของเราเป็นที่ยอมรับของตลาด ดังนั้น ปลายปีนี้จะมีโปรดักส์ 1 ตัวออกวางตลาดในประเทศ ซึ่งมีโอกาสทำยอดขายสูงมาก ประกอบกับความเชี่ยวชาญในงานพลาสติกของ PJW เชื่อว่าภายใน 2 ปีจะสามารรถบุกตลาดอาเซียนที่มีประชากรสูงถึง 600 ล้านคน เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตเป็นเท่าตัวจากคาดการณ์ปี 67 ที่ 300 ล้านบาท จะกลายเป็น 600 ล้านบาท
จากนั้นในปี 67 บริษัทจะพัฒนาโปรดักส์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่วิจัยพัฒนาอยู่ ได้แก่ อุปกรณ์ในกลุ่มรักษาโรคไต ข้อกระดูก-ข้อเข่า ขวดบรรจุของเหลว ชุดตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง ซึ่งจะเน้นการทดแทนผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพง และเน้นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้แล้วทิ้ง เนื่องจากสามารถตอบโจทย์เรื่องรีไซเคิลได้ โดยมีจุดเด่นคือการร่วมมือกับทีมวิจัยของภาครัฐ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ และ สวทช.
นายวิวรรธน์ กล่าวว่า กลุ่มสินค้า Medical จะเป็นตัวใหม่ที่ทำให้เราออกจากการเติบโตแบบ organic มาที่ inorganic คาดว่าในอนาคตจะสร้างสัดส่วนรายได้ราว 10-14% ของยอดขายรวม และจะเป็นทางออกในการทดแทนรายได้จากขวดบรรจุน้ำมันเครื่องที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากการเข้ามาองรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตขณะที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าเกือบเท่าตัว
สำหรับการผลิตปัจจุบันใช้สายการผลิตในโรงงานที่สมุทรสาคร โดยอัพเกรดจากคลีนรูมที่ใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอาหาร ลงทุนราว 50 ล้านบาท แต่ในอนาคตมองโอกาสการตั้งโรงงานใหม่หากมีการผลิตโปรดักส์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำยอดขายได้ตามที่คาดหวัง โดยจะเป็นโรงงานที่มีพื้นที่ราว 5,000 ตารางเมตร ใช้งบค่าที่ดินและก่อสร้างราว 100 ล้านบาท และงบซื้อเครื่องจักรอีกส่วนหนึ่ง โดยมองแนวทางการร่วมทุนพันธมิตร ทั้งพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายสินค้า และพันธมิตรทางธุรกิจด้านอื่น ๆ อย่างเช่นปัจจุบันบริษัทได้เซ็น MOU กับอินโนบิก (เอเซีย) ในกลุ่ม บมจ. ปตท.(PTT) ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเจรจาขยายความร่วมมือกัน