Aruba และ Forrester เผยผู้ผลิตใน APAC ให้ความสำคัญสูงสุดกับการเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตที่เหมาะสม

 

 

 

Aruba บริษัทในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ ประกาศผลการศึกษาของ Forrester Consultingซึ่งได้รับการสนับสนุนให้สำรวจผลกระทบของโซลูชันระบบเครือข่ายและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงต่อระบบการดำเนินงานการผลิตของโรงงานไฮเทคอัจฉริยะ (SmartHigh-Tech Manufacturing Operations) ที่มีการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่าย โดยพบว่าในช่วง12 เดือนที่ผ่านมา สามในสี่ของโรงงานผู้ผลิตในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญอันดับต้น ๆกับการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและความยืดหยุ่นในการปรับตัว

 

 

จากรายงานการศึกษาเรื่อง“อุตสาหกรรมผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงเริ่มต้นด้วยโซลูชันระบบเครือข่ายและระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Tech Manufacturing Begins with High-PerformanceNetworking and Security Solutions)”ซึ่งผลสำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านธุรกิจและไอทีมากกว่า 270รายจากอุตสาหกรรมผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงในประเทศออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซียเกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565โดยจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสำรวจในประเทศไทยตอบว่ากำลังนำระบบอุตสาหกรรมการผลิตแบบอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) เข้ามาปรับใช้จากผลการสำรวจโดยรวมทั้งภูมิภาค APACพบว่าประมาณสามในสี่ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงรายงานว่าในช่วง12 เดือนที่ผ่านมา เรื่องที่บริษัทจัดลำดับให้ความสำคัญกับการลงทุนทางธุรกิจสูงสุดคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้สายการผลิตอย่างเหมาะสม โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 63%ให้ความสำคัญกับการนำโซลูชั่นอุปกรณ์ปลายทาง (Edge), แอปพลิเคชันทางด้านอุปกรณ์ IoTและระบบเครือข่ายเข้ามาใช้เพื่อการขับเคลื่อนนวัตกรรม และ 61%ระบุว่าได้นำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขณะเดียวกัน 69%ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขากำลังทดลองใช้หรือใช้โซลูชันระบบเครือข่ายและการดูแลความมั่นคงปลอดภัยที่จัดการได้บนคลาวด์อยู่แล้ว เพื่อความยืดหยุ่นในการปรับตัว
ความสามารถในการปรับขยายขนาด และความมั่นคงปลอดภัย“ความปั่นป่วนในกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่เราเห็นในช่วงการระบาดของโควิดสองปีที่ผ่านมาได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่โรงงานผู้ผลิตทั้งหลายจะต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตแบบเดิมที่เน้นผลิตให้ได้จำนวนมาก ๆ เพื่อให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยที่ต่ำจากการประหยัดต่อขนาดไปเป็นการมุ่งให้ความสำคัญอันดับแรกในเรื่องการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้า”

 

 

ซึ่ง Mark Verbloot ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ โซลูชันและวิศวกรรมระบบประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Aruba บริษัทในเครือของฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ กล่าวว่าเราทำการศึกษาเรื่องนี้เพื่อให้กระจ่างเกี่ยวกับปัญหาที่โรงงานไฮเทคทั้งหลายกำลังประสบอยู่เพื่อความเข้าใจในการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการในเรื่องต่าง ๆของพวกเขาในภาวะกลไกตลาดที่คาดเดาไม่ได้”ในการตอบสนองต่อปัญหาที่พวกเขาประสบผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
เพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยและประสิทธิภาพของการดำเนินงานพร้อมทั้งสามารถจัดการดูแลป้องกันความเป็นส่วนตัวและเพิ่มความความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลรวมทั้งสร้างความยืดหยุ่นในการปรับตัวในระยะยาวผลการสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 66%เห็นความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการใช้งานระบบการดำเนินงานที่ประสานสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียวกับระบบเครือข่าย (Consistent Network Operation) และสามารถตรวจสอบได้จากระยะไกลผู้ตอบแบบสอบถามในจำนวนใกล้เคียงกันเห็นพ้องกันว่าระบบการดำเนินการที่ทันสมัยและยืดหยุ่นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ตามมาด้วยผู้ตอบแบบสำรวจ 64%ที่แสดงความตั้งใจที่จะลงทุนในซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานความสามารถในการดูแลที่คาดการณ์ได้ทั้งระบบและเพิ่มผลิตภาพการผลิตการป้องกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับโรงงานผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงด้วยการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายและความต้องการเปลี่ยนกระบวนการผลิตและระบบการดำเนินงานให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ทำให้การรวบรวม การรับส่งและการใช้ข้อมูลได้อย่างครอบคลุมมีความสำคัญต่อความสามารถของทุกอุตสาหกรรมในการปรับขยายขนาดการดำเนินงานและจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัย

 

 

ผู้มีอำนาจตัดสินใจใน APAC มากกว่าครึ่งหนึ่ง (52%)ให้ความสำคัญกับปัญหาความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเป็น 1 ใน 5ปัญหาสำคัญอันดับแรกเมื่อมีการนำโซลูชันเครือข่ายมาใช้ ในขณะที่ 48%กล่าวว่าการขาดคุณสมบัติความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในอุปกรณ์ IoTรุ่นเก่าเป็นหนึ่งในปัญหาความท้าทายหลัก 5 ประการ ส่วนอีก 18%กล่าว่าการแบ่งแยกระหว่างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ(IT/OT) เป็นหนึ่งในสองความท้าทายต่อระบบเครือข่ายอันดับต้น ๆทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลโรงงานผู้ผลิตทั้งหลายมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ ๆมาใช้เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการดำเนินงานภายใน 24 เดือนข้างหน้าโซลูชันเหล่านี้รวมถึงระบบเครือข่ายที่จัดการได้บนคลาวด์ (38%) และ SD-WAN (37%)ผู้ผลิตมากกว่า 50% กำลังวางแผนขยาย อัปเกรด หรือวางแผนที่จะลงทุนในโซลูชัน Zero TrustEdge ในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะที่ 57%กล่าวว่าจะนำเทคโนโลยีการแบ่งแบรนวิดท์ของระบบเครือข่ายให้เหมาะสมกับกลุ่มอัตลักษณ์ของผู้ใช้ (Iidentity-Based Traffic Segmentation) เข้ามาช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

 

 

หลังจากยุคโควิดแล้วอุตสาหกรรมการผลิตจำเป็นต้องพัฒนาความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการดำเนินงานให้มากขึ้น
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆผู้นำด้านการผลิตจำเป็นต้องดำเนินการใช้ประโยชน์จากระบบเครือข่ายและโซลูชั่นด้านความมั่นคงปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตมีความเป็นอัจฉริยะและสามารถปรับขยายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ” Mark Verbloot ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิศวกรรมผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และระบบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Aruba บริษัทในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวเสริม

 

 

อ่านงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่ https://connect.arubanetworks.com/manufacturing

Post a Comment

#FOLLOW US ON INSTAGRAM