
Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน ทางเลือก VS ทางรอด?
Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน ทางเลือก VS ทางรอด?
เขียนโดย: คุณธนนันท์ จินดากิจสกุลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดในวงการอุตสาหกรรม
จากบทความใน 2 ฉบับที่ผ่านมา ที่ได้กล่าวถึง เนื้อหาและหลักการ เกี่ยวกับCircular Economyเศรษฐกิจหมุนเวียนและแนวโน้มการขับเคลื่อนของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่ม Coca-Cola, Nestlé และ PepsiCoในเรื่อง นโยบายสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจหมุนเวียน ในการเป็นตัวขับเคลื่อน ให้ธุรกิจ อยู่รอด ในโลกอนาคตที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ในเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อ สภาวะโลกเปลี่ยนแปลงจาก สภาวะการระบาดของโรคโควิด 19 ผู้บริโภคก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในการใช้บรรจุภัณฑ์ ต่าง ๆเปลี่ยนเป็นการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single Use) แทนการนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ร้านกาแฟ ปฎิเสธ ลูกค้าในการ นำภาชนะของตนเองมาใช้ เราเห็นปริมาณขยะจากพลาสติกและกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมลดลงในสภาวะที่มีการระบาดของโลก โควิด 19 แต่อย่างไร ก็ตาม ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สะสมพอกพูนมานาน มิอาจนิ่งเฉยหรือ ละเลยไปได้ การขับเคลื่อน เศรษฐกิจหมุนเวียน ยังคงต้องดำรงอยู่ในนโยบายของ ภาครัฐ และ ภาคเอกชน ในลักษณะที่ยัง คงเป็นทางรอด มิใช่ เป็นเพียงทางเลือก
ในฉบับนี้จะขอกล่าวถึง บริษัท ผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น( Flexible Packaging) ของสินค้าประเภทเครื่องดื่ม น้ำสลัด ซอสปรุงรส ที่เปลี่ยนรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ และสามารถรับประทานได้ ไปพร้อม ๆกับเครื่องดื่ม น้ำสลัด ซอสปรุงรส
บรรจุภัณฑ์ นี้มีชื่อ ว่า” Ooho!”หรือเรียกตามคำอุทานแบบไทยๆ ว่า “โอ้โฮ้” เป็นฟิล์ม ที่ทำมาจาก สาหร่ายและพืชซึ่งมีความเหนียวนุ่ม แข็งแรงและคงทนพอที่จะ นำมาเป็นบรรจุภัณฑ์ ในการบรรจุของเหลว โดยใช้เครื่องที่ผลิต ณ จุดจำหน่ายในปริมาณขนาด 20-150 มิลลิลิตร และ สามารถรับประทานได้ ไปพร้อม ๆกับเครื่องดื่ม เช่นเดียวกับ น้ำสลัดและ ซอสปรุงรส ซึ่งสามารถรับประทานไปพร้อมกับอาหาร โดยไม่ต้อง ทิ้งบรรจุภัณฑ์หีบห่อ ซึ่งก็จะไม่ทำให้เกิด ปัญหาขยะต่อ สิ่งแวดล้อม หรือหาก ผู้บริโภค ไม่รับประทาน ตัวบรรจุภัณฑ์ นี้ก็สามารถ ย่อยสลายได้เอง ภายใน 4-6 สัปดาห์ การย่อยสลายได้ด้วยตัวเองในสภาวะธรรมชาติ หรือ ภายในบ้านเรือนภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นการย่อยสลายทางธรรมชาติโดยวิธีทางอุตสาหกรรมก็จะใช้เวลาที่สั้นลงกว่านั้น. ” Ooho! ” หรือ “ โอ้โฮ้ “ ไม่ก่อให้เกิด Micro Plastic และขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ “Ooho! ” หรือ “ โอ้โฮ้ “ จึงเป็นบรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น( Flexible Packaging) แบบทางเลือก ที่ไม่เป็น พลาสติก และไม่ก่อให้เกิดขยะ
” Ooho! ” หรือ “ โอ้โฮ้ “ได้ถูกนำมาแจกจ่าย ให้กับผู้ร่วมการแข่งขันวิ่ง มาราธอน ในการจัดงาน 2019Virgin Money London Marathonในรูปของน้ำดื่ม และ น้ำผลไม้ ที่ไม่ใช้ขวด หรือแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งโดยปกติแล้วในงานวิ่ง มาราธอน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ประเทศใด ก็จะมีขยะพลาสติกขวด หรือแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เกิดขึ้นมากมาย การนำ เครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ แบบ” Ooho! ” หรือ “ โอ้โฮ้ “ มาใช้จึงช่วยลด ปริมาณขยะ ตลอดจน การขนส่งได้เป็นอย่างมาก
” Ooho! ” หรือ “ โอ้โฮ้ “ ยังนำมาใช้กับ น้ำผลไม้และเครื่องดื่มประเภท ม๊อกเทลล์ ค็อกเทลล์ ในงาน อีเว้นท์ หรือ งานค็อกเทลล์ ที่มีรูปแบบของความทันสมัย ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงสนใจแล้วว่า รูปแบบธุรกิจของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบ ” Ooho!” หรือ “ โอ้โฮ้ “จะเป็นอย่างไร Ooho! ถูกก่อตั้ง โดย บริษัท Notpla ซึ่งเป็น Start Up อยู่ใน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เกิดจากการค้นคิดเครื่องและวัสดุ หีบห่อบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ เครื่องที่เป็น Prototype Machine ได้ถูกสร้างขึ้น ในปี 2561 โดยกลุ่มทีม วิศวกรเครื่องกล และ วิศวกรขบวนการ ทำงานร่วมกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ในการคิดค้นวัสดุ ทางธรรมชาติจาก สาหร่ายและพืช ทำมาเป็นหีบห่อบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่โดยใช้กลยุทธ์ ที่สำคัญ ในเรื่อง Circular Design และแหล่งวัตถุดิบ แบบ Clean Resources ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของตน ด้วยความมุ่งมั่นสำคัญ ของบริษัท Notplaที่ต้องการ ให้หีบห่อบรรจุภัณฑ์ หายไป โดยการผลิตเครื่องบรรจุภัณฑ์ที่สามารถทำการ บรรจุของเหลวได้ ณ ที่ตั้งนั้น ๆ และลดขั้นตอนการขนส่งผลิตภัณฑ์ จึงช่วยลดปริมาณ หีบห่อบรรจุภัณฑ์ ที่ต้องใช้ ก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.
บรรจุภัณฑ์ Ooho! ไม่มีจำหน่ายในลักษณะ เป็นบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปหรือพร้อมใช้ เฉกเช่น พลาสติก ขวด โถ ที่เราใช้ใส่ เครื่องดื่ม หรือ น้ำสลัด และ ซอสปรุงรส หาก แต่รูปแบบธุรกิจนี้ เป็นการผลิตเครื่องบรรจุภัณฑ์ ” Ooho! และให้เช่าเครื่องผลิตบรรจุภัณฑ์นี้ และจำหน่ายอุปกรณ์และวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ที่ทำมาจาก สาหร่ายและพืช กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ สถานที่ ออกกำลังกาย ฟิตเน็ต สำนักงาน หรือ งาน อีเว้นท์ ทั่วไป ซึงปริมาณขั้นต่ำ 5,000 ชิ้น ซึ่งขณะนี้บริษัท Notpla ได้มีเครื่องจำหน่ายด้วยตัวเอง (Vending Machine )จำหน่ายน้ำขิงเย็น อยู่ที่ห้าง Selfridges ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ บริษัท Just Eat Has ผู้ให้บริการอาหารแบบ Delivery ด้วยการใช้ Ooho! สำหรับ ซอสมะเขือเทศ และ ซอสสำหรับ Pizzaปัจจุบันบริษัท ยังคงพัฒนาในการผลิตเครื่อง และศึกษาช่องทางการกระจายการเช่าสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ภายใต้ ความสำเร็จของเครื่องที่เป็นเพียง Prototype สู่การเป็นสินค้า Ooho! บริษัท Notpla ยังได้รับโอกาส ในการระดมทุน ได้เงินในการ วิจัยพัฒนา ต่อยอดสินค้า แ ละก่อเกิด เป็น ธุรกิจ Start Up โดยในช่วงแรกที่เป็นระยะบ่มเพาะธุรกิจAccelerator/Incubatorในปี 2558 ด้วยเงินเพียง $31K สู่การเป็น การร่วมลงทุน (Venture Capital) ด้วยเงิน $4.93M ในเดือนเมษายน ปี 2563.การก่อเกิด และ เติบโตของบริษัท Notpla ในการผลิตเครื่อง Ooho! จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการลดขยะจาการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งคาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถหยุดจำนวนขวดพลาสติกได้ถึงพันล้านขวดไม่ให้ หลุดรอดลงทะเลในทุก ๆปี อีกทั้งช่วยลด การปลดปล่อยคาร์บอน ได้ถึง 300 ล้านกิโลกรัม และลดพลังงานที่ใช้ผลิตเมื่อเทียบกับพลาสติกได้ถึง 9 เท่า ซึ่งจะส่งผลให้มีราคาที่สามารถแข่งขันกับพลาสติกได้
การนำ Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน มาใช้ในธุรกิจ Start Upในเชิงหีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริม สร้างค่านิยมการลดขยะพลาสติก ยังมีโอกาส อยู่เสมอ สำหรับบทเรียนที่ได้ในการศึกษา จากธุรกิจของ บริษัท Notpla นี้ คือการใช้ กลยุทธ์ที่สำคัญ ในด้านการดีไซน์ Circular และการใช้แหล่งวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ ในการสร้างนวัตกรรม หีบห่อบรรจุภัณฑ์ ที่ปราศจากพลาสติก เพื่อตอบสนอง ต่อความต้องการ ของตลาด จนมาเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้