“ไลออนเดลบาเซล” ประกาศเพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าตามขอบเขตที่ 3

 

 

ไลออนเดลบาเซล (LyondellBasell) (NYSE: LYB) ผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทฯ จะเพิ่มเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ประจำปี 2573 สำหรับการปล่อยก๊าซตามขอบเขต 1 และขอบเขต 2 จาก 30% เป็น 42% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็นพื้นฐาน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขต 3 ในปี 2573 ไว้ที่ 30% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็นพื้นฐาน และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติจากโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ (SBTi) โดยเป้าหมายที่บริษัทฯ ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานทั่วโลกให้เหลือสุทธิเป็นศูนย์ตามขอบเขตที่ 1 และ 2 ภายในปี 2593 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

“เราเชื่อว่าเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นเป็นเรื่องที่ทำให้สำเร็จได้ และจะสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา” ปีเตอร์ วาแนคเกอร์ (Peter Vanacker) ซีอีโอของไลออนเดลบาเซล กล่าว “เราจำเป็นต้องลดการปล่อยมลพิษพร้อมสร้างธุรกิจโซลูชันหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำระดับโลกในคราวเดียวกัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เราเห็นตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า แนวทางนี้นอกจากจะดีต่อสังคมแล้ว ยังดีต่อธุรกิจอีกด้วย เราจะปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ความสำคัญกับโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง และทำผลงานได้ตามความคาดหวังในเรื่องผลตอบแทน”

 

บริษัทฯ ได้ประเมินค่าใช้จ่ายด้านทุนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษไว้ในแผนระยะยาว การลงทุนเหล่านี้คาดว่าไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของรายจ่ายลงทุนทั้งหมดในช่วงสามปีข้างหน้า และไม่น่าจะเปลี่ยนกลยุทธ์การจัดสรรเงินทุน ในขณะที่โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลายโครงการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา บริษัทฯ จะประเมิน ติดตาม และจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามอัตราผลตอบแทนของแต่ละโครงการ

 

ไลออนเดลบาเซลจะส่งเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศไปยัง SBTi เพื่อตรวจสอบเทียบกับคำแนะนำของ SBTi โดย SBTi เป็นผู้กำหนดและส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการกำหนดเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรที่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ล่าสุดในเรื่องภูมิอากาศ

 

ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ไลออนเดลบาเซลยังคงดำเนินโครงการริเริ่มที่ประกาศไปก่อนหน้านี้เพื่อลดการปล่อยก๊าซ รวมถึง

  • เริ่มสัญญาซื้อไฟฟ้า 4 ฉบับในเท็กซัส ซึ่งคิดเป็นประมาณ 400,000 เมตริกตันจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขต 2 ของบริษัทในแต่ละปี
  • ทยอยเลิกใช้ถ่านหินที่โรงงานในเมืองเวสเซลลิง ประเทศเยอรมนี โดยลดการปล่อยก๊าซตามขอบเขต 2 ที่โรงงานแห่งนี้ลงประมาณปีละ 170,000 เมตริกตัน

 

ตามที่ประกาศในเดือนเมษายน 2565 บริษัทกำลังจะปิดโรงกลั่นในฮูสตันภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 มากกว่า 3 ล้านเมตริกตันต่อปี และลดการปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 3 ประมาณ 40 ล้านเมตริกตันต่อปี

 

นอกจากนี้ ไลออนเดลบาเซลยังตั้งเป้าที่จะจัดหาไฟฟ้าทั่วโลกอย่างน้อย 75% จากพลังงานคาร์บอนต่ำภายในปี 2573 ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากเป้าหมายที่มีอยู่เดิมในการจัดหาไฟฟ้าทั่วโลกจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้อย่างน้อย 50%

 

โครงการริเริ่มเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลายโครงการที่วางแผนไว้สำหรับการดำเนินการภายในปี 2573 จะเริ่มในปี 2567 และหลังจากนั้น โดยบริษัทใช้ประโยชน์จากกำหนดการส่งคืนสินทรัพย์ที่มีอยู่สำหรับไซต์ที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่

  • โครงการนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่ การใช้พลังงานไฟฟ้ากับกังหันขนาดใหญ่ และการปรับความต้องการใช้ไอน้ำให้เหมาะสมที่โรงงานในเมืองเวสเซลลิง ประเทศเยอรมนี ในปี 2567
  • การเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ความร้อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการจัดการเชื้อเพลิงที่ไซต์ของบริษัทในแชนเนลวิว รัฐเท็กซัส ในปี 2568

 

นอกจากนี้ ธุรกิจโซลูชันหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ จะมุ่งเน้นไปที่การบรรลุเป้าหมายในการผลิตและจำหน่ายโพลิเมอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิล 2 ล้านเมตริกตันต่อปีภายในปี 2573 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 ลงอีก

 

การทำงานร่วมกันในห่วงโซ่คุณค่ายังคงมีความสำคัญสูงสุดสำหรับบริษัท โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไลออนเดลบาเซลได้เข้าร่วมกลุ่ม World Economic Forum Low Carbon Emitting Technologies (LCET) เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีการปล่อยคาร์บอนต่ำที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเคมีและห่วงโซ่คุณค่าที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการเปลี่ยนผ่านของบริษัท แนวทางความเสี่ยงด้านสภาพอากาศและการจัดสรรเงินทุน และความสอดคล้องกับข้อกำหนดของคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ (TCFD) ได้ในรายงานความยั่งยืนปี 2565 ของไลออนเดลบาเซล ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของบริษัทสู่ความยั่งยืน

Post a Comment

#FOLLOW US ON INSTAGRAM